คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY
อ่านหนังสืออย่างไรให้จำแม่น
โดยเคล็ดลับการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนนี้ เป็นเทคนิคง่ายๆ นักเรียนนักศึกษาสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน ขอแต่เพียงเข้าใจเคล็ดลับวิธีการเท่านั้นเอง หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียน คือ การหมั่นฝึกฝนตามขั้นตอนให้เกิดความเคยชินจนติดกลายเป็นนิสัยการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนี้จะแตกต่างจากการอ่านเพียงเพื่อท่องจำ 1. เวลาอ่านบทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อยๆ คือเราจะหยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว2. จากนั้นให้ปิดหนังสือแล้ว ลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟังคือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้3. หากตอนใดเราอ่านแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้วแต่ยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตรต่างๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำโดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลาเปล่าประโยชน์ เสียเงินทอง7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆไม่ชัดเจน คลุมเครือ8. ดังนั้นควรมีเทคนิคง่ายๆ สั้นๆ ดังต่อไปนี้ก.ให้อ่านหนังสือ สลับกับ การอธิบายให้ตัวเองฟัง ข.ให้ท่องจำเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องจำจริงๆ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะต่างๆ
1 มกราคม 2557     |      5071
5 อันดับ เทคนิคการจีบอย่างได้ผล
5 อันดับ เทคนิคการจีบอย่างได้ผล โดยจรรยาบรรณของ ?การจีบ? แล้ว ไม่สามารถเปิดเผยผู้จัดอันดับได้.. แต่ถ้าจะให้เปิดใจรับคุณเข้ามาไว้ในใจ ย่อมได้อย่างแน่นอน… นอกเรื่องเกินไปแล้ววว! อย่าเสียเวลากันเลยดีกว่า ขอเชิญท่านเข้าสู่รายการกันได้เลย! อันดับที่ 5 เปลี่ยนทัศนคติตัวเองเสียก่อนว่า การจีบ ก็แค่เรื่องปกติ ทำม๊ะดา ธรรมดา สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง ที่เป็นเทคนิคในการจีบ ก็คือ ?ความมั่นใจ? สังเกตกันไหมว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากต้องการที่จะได้ผลลัพธ์ออกมาดี ก็ล้วนต้องอาศัยความมั่นใจ (ในเชิงสร้างสรรค์) ทั้งนั้น เช่นการพรีเซนท์โครงการ อาจารย์ที่สอนหนังสือลูกศิษย์ นักศึกษาที่เข้าสอบแข่งขันชิงทุน ฯลฯ การเปลี่ยนทัศนคติให้มีความมั่นใจ ก็เหมือนเป็นการสร้างกำลังใจให้กับตนเอง… โอเค บางคนอาจจะบอกว่า เสี่ยงไปหน่อย เกิดไปจีบเค้า แล้วเค้าไม่ชอบเราขึ้นมา เสียฟอร์มกันหมด…. ช้าก่อน! อย่าเพิ่งลืมไปว่า สิ่งที่เสียไปนั้นคือ ฟอร์ม แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ ฟอร์มที่ลดลง พร้อมกับทักษะการจีบที่ได้เพิ่มขึ้นด้วยนะ? จะบอกให้ อันดับที่ 4 รู้จักที่จะเริ่มเปิดบทสนทนากับเป้าหมาย ?สวัสดีครับ นี่เราเคยรู้จักกันมาก่อนมั้ยครับ? ไม่ดีๆ อันนี้เหมือนพระเอกหนังช่อง 8 ลองเปลี่ยนเป็น ?สวัสดีครับ วันนี้ผมมีข้อเสนอในการเพิ่มเงินออมให้กับชีวิตของคุณครับ? ไม่ใช่แล้วว อันนี้เซลล์ขายประกัน เอาเป็นว่า รู้จักเริ่มเปิดบทสนทนาอะไรก็ได้ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น เช่น คุณได้ไปเจอเพื่อนของเพื่อน แล้วรู้สึกถูกอกถูกใจเธอขึ้นมา ดังนั้น อาจเริ่มเปิดบทสนาทนาว่า ?สวัสดีครับ ผมศรรามครับ ได้ยินว่าคุณทำงานด้านไอทีเหมือนกันเหรอครับ นี่นามบัตรของผมครับ รับไว้เถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ? หลังจากนั้น ก็หาโอกาสในการทำความรู้จักเพิ่มเติมกันต่อไป อันดับที่ 3 ทำตัวเองให้ สนุก สดใส ร่าเริง เริ่มจากการเปิดใจให้กว้าง มีเหตุมีผล แต่ก็ต้องมีอารมณ์ขี้เล่นบ้างในบางครั้ง และที่สำคัญคือ ต้องทำตัวเองให้เป็นธรรมชาติ? วิธีที่จะฝึกตัวเองให้แสดงออกอย่างสบายๆ และเป็นธรรมชาติ สำหรับแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนได้จากการอ่านหนังสือธรรมมะ ช่วยเข้าใจถึงสรรพสิ่ง รู้ว่าทุกสิ่งย่อมไม่เที่ยง (ยกเว้นนาฬิกา) ส่งผลให้ความกังวลใจลดลง.. บางคนฝึกเล่นดนตรี วาดรูป ทำให้ศิลปะเข้ามาหล่อหลอมจิตใจอย่างช้าๆ แล้วชีวิตก็ลื่นไหลไป คล้ายๆ กับภาพแอ็บสแตรคต์ ไม่ยึดติดกับกฏเกณฑ์ แต่มีพลังมากนัก หรือ ใครที่คิดว่า เล่นดนตรี หรืองานศิลปะ เป็นเรื่องที่ยากไปสักนิด การฝึกร้องเพลง ก็สามารถช่วยให้จิตใจสดใสขึ้นได้เยอะทีเดียว อันดับที่ 2 กล่าวชมเชยคนที่จีบอยู่ อย่างจริงจัง และจริงใจ ช่วงที่กำลังจีบใครอยู่ ไม่ว่าจะรู้จักกันมา 1 วัน 1 อาทิตย์ 1 เดือน 2 เดือน หรือมากกว่านั้นก็ตามแต่ การกล่าวชมเชย เป็นองค์ประกอบอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการ จีบ เพราะว่าคนๆ นั้น จะมีความรู้สึกว่า ?อืม.. นี่เค้า ก็สังเกต และให้ความสนใจเราในระดับหนึ่งเหมือนกันนะ? เหมือนดังเช่น บทกวีอมตะที่ท่านสุนทรภู่ ได้ประพันธ์เอาไว้ว่า ?อันอ้อยตาล หวานลิ้น แล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย? ความหมายของสุดยอดบทกวีนี้ น่าจะหมายความว่า เวลาที่เราได้ยินคำหวาน เรามักจะจดจำ คำๆ นั้นได้ดี และเราก็สามารถนึกถึงคำๆ นั้นได้อีก เพราะคำเหล่านี้ ถูกเก็บบันทึกไว้ในสมองของเราเรียบร้อยแล้ว ในทางตรงกันข้าม หากคุณได้รับคำชมเชย ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวโอ้อวดอะไร เพียงแค่กล่าวคำว่า ?ขอบคุณ? ก็พอ อันดับที่ 1 แต่น แต่น แต๊นนนน ตึง ตึง ตึง ตึง โป๊ะ ผ่างงงงง….. อันดับ ที่ 1 ได้แก่… ได้แก่ๆๆ รอยยยยยยิ้ม ชนะใจเสมอ เหมอ ๆๆๆ รอยยิ้มเป็นตัวแทนของการมองโลกในแง่ดี เวลาเจอคนที่ไม่ชอบยิ้ม เราจะรู้สึกอย่างไรบ้าง? ?อ๊ะ คนนั้นดูหยิ่งจังเลย? ?อืม เครียดตลอดอย่างนี้ไม่อยากคุยด้วยเลยแฮะ? ?เอ… เค้าเป็นฟันคุดอยู่หรือเปล่านะ ถึงไม่ยิ้มเลย? จริงอยู่ ใครกันที่จะยิ้มได้ตลอดทั้งเวลา เวลาที่งานเข้าเยอะๆ หรือกำลังยุ่งๆ อยู่ ก็อาจจะมีความเครียดบ้าง จะให้เอาแต่ยิ้มก็คงไม่ได้ แต่นอกเหนือจากเวลาเหล่านั้น คุณควรฝึกยิ้มให้กับคนรอบข้างเข้าไว้ รอยยิ้มจะค่อยๆ นำมิตรเข้ามาสู่ตัวคุณ รอยยิ้มจะเป็นตัวแทน การแสดงความเป็นมิตรของคุณสู่คนอื่น และแน่นอน ?รอยยิ้ม? ก็จะช่วยให้การจีบของคุณได้ผล แต่ถ้าไม่ได้ผล ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป ยังมีคนอื่น รอรอยยิ้มของคุณอยู่อีกมากมาย ขอเอาใจช่วย สู้ๆ ที่มาจาก naddate.com
1 มกราคม 2557     |      5543
ทั้งหมด 4 หน้า