คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY

            ถึงแม้ไทยจะส่งออกลำไยได้มากในแต่ ละปี แต่ยังคงมีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข อย่างหนึ่งคือการตกค้างของ SO2 ในผลลำไยที่มีปริมาณสูง ส่งผลให้บางครั้งผลผลิตส่งออกถูกยกเลิกจากประเทศคู่ค้า ส่วนหนึ่งเนื่องจากกรรมวิธีรมลำไยไม่สามารถควบคุมปริมาณ และความเข้มข้นของสารได้ เหตุนี้ ผศ.จักรพงษ์ พิมพ์พิมล จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จึงออกแบบ "ห้องรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) กับผลลำไยสด" นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดสารตกค้าง ป้องกันโรค คงความสด และคุณภาพของลำไยได้อย่างมีประสิทธิผล

           ผศ.จักรพงษ์ หัวหน้าทีมวิจัย "ห้องรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) กับผลลำไยสดด้วยระบบหมุนเวียนอากาศแบบ forced-air ระดับอุตสาหกรรม" กล่าวว่า มีทีมงาน 4 คน ประกอบด้วย อ.ชนวัฒน์ นิทัศน์วิจิตร อ.จาตุพงศ์ วาฤทธิ์ และ อ.สมเกียรติ จาตุรงค์ล้ำเลิศ ซึ่งเป็นห้องรมระบบหมุนเวียนอากาศแบบบังคับทั้งแนวตั้งแนวนอนเข้ามาช่วยใน กระบวนการรม SO2 จากการเผาผงกำมะถันและจากถังอัดความดันโดยตรง ซึ่งโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

          หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า ใช้เวลากว่า 5 ปีศึกษาวิจัยซึ่งผลการศึกษาพบว่า ห้องรมหรือห้องอบระบบหมุนเวียนอากาศแบบบังคับแนวตั้ง (Vertical forced-air) เหมาะนำมาใช้ในกระบวนการรม SO2 กับผลลำไยสด เนื่องจากช่วยลดระดับความเข้มข้นของ SO2 หลังสิ้นสุดการรมเหลือเพียง 4,000 ppm หรือ 4-5 เท่า เมื่อเทียบกับระดับความเข้มข้นของ SO2 ที่ผู้ประกอบการใช้อยู่ปัจจุบันคือ 1.5-2 หมื่น ppm

         อีกทั้งยังป้องกันการเกิดโรคและการเกิดสีน้ำตาลที่เปลือกผลลำไยได้ไม่ต่ำ กว่า 20 วัน หลังเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 95 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญยังช่วยให้ผลลำไยมีปริมาณ SO2 ตกค้างในเนื้อผลหลังจากรมทันทีไม่เกิน 8 ppm ซึ่งต่ำกว่ำเกณฑ์ ที่ประเทศแคนาดาและจีนกำหนดไว้ที่ 10 ppm และ 50 ppm ตามลำดับ

         "จากที่ได้ศึกษาร่วมกับผู้ประกอบการมาใช้ในเชิงการค้ากับผลลำไยสดที่ส่งไป ยังจีน ฮ่องกง พบว่าผู้ประกอบการและผู้บริโภคพึงพอใจ อีกทั้ง ยอมรับกับผลลำไยสดที่ได้ เนื่องจากวางขายในตลาดได้นานถึง 8 วัน โดยยังคงคุณภาพ สี ความสด รวมทั้งมีปริมาณสารตกค้างในเนื้อผลต่ำกว่าเกณฑ์ที่จีนกำหนดไว้ถึงร้อยละ 80" ผศ.จักรพงษ์ แจง

         พร้อมระบุว่า จากการวิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์พบว่า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนสร้างห้องรมลำไยพร้อมชุดอุปกรณ์ราคาอยู่ที่ 5.6 แสนบาท มีกำลังการผลิต 10.6 ตันต่อวัน ซึ่งหากรับจ้างรม SO2 กับผลลำไยสดราคา 1 บาทต่อกิโลกรัม จะมีจุดคุ้มทุน 1,075 ตันต่อปี และมีระยะเวลาคืนทุน 3.4 เดือน

          ผศ.จักรพงษ์ ยอมรับว่า กระบวนการรม SO2 ดังกล่าวสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางลดปัญหาการมีปริมาณ SO2 ตกค้าง ช่วยรักษาคุณภาพผลลำไย รวมทั้งช่วยพัฒนากระบวนการรม SO2 กับผลลำไยสดของไทยให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากการใช้ SO2 กับผลิตผลสดทางเกษตรส่วนใหญ่มักใช้ในรูปของแก๊ส SO2 จากถังอัดความดันโดยตรงซึ่งมักมีข้อจำกัดเรื่องขั้นตอนและเวลาในการเผาไหม้

         สำหรับการนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ จากที่มีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน เข้าเยี่ยมชมห้องรมลำไยต่อเนื่อง กรมส่งเสริมการเกษตรจึงนำเอาผลการวิจัยบรรจุในแผนปฏิบัติงานพัฒนาระบบการ ผลิตและแปรรูปลำไยอย่างยั่งยืนระหว่างปี 2553-2557 รวมทั้งบริษัท ไทยฮงผลไม้ จำกัด นำเอานวัตกรรมห้องรมไปใช้ในเชิงการค้าด้วย

          อย่าง ไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่งออกลำไย หรือเกษตรกรที่ต้องการรายเอียดเกี่ยวกับ "ห้องรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) กับผลลำไยสด" สามารถชมห้องรมต้นแบบได้ที่ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่

.............................................
ผศ.จักรพงษ์ พิมพ์พิมล
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ที่มา :ภาพและเนื้อหาจาก
คม ชัด ลึก 14 ส.ค. 2555
(ห้องรม'ลำไย'ด้วยซัลเฟอร์  นวัตกรรมยืดความสด-ลดสาร : โดย...ธานี กุลแพทย์)

ปรับปรุงข้อมูล : 1/1/2557 0:00:00     ที่มา : คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 7524

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวกิจกรรม

ข่าวล่าสุด

ร่วมสืบสานคุณค่า นวัตกรรมจากยางพารา
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 คณาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ได้ร่วมจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์หลักสูตร พร้อมเวิร์กช็อป DIY “โบว์ไว้อาลัยจากผ้าเคลือบน้ำยาง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลงานวิจัย ในงานประชุมวิชาการและนิทรรศการ ครั้งที่ 12 “ทรัพยากรไทย : หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน” ณ โรงประชุมชูติวัตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่กิจกรรมได้รับความสนใจจากนักศึกษา บุคลากร และประชาชนจำนวนมาก สะท้อนพลังของงานวิจัยที่สามารถต่อยอดสู่การใช้งานจริงได้อย่างภาคภูมิ
12 พฤศจิกายน 2568     |      18
กิจกรรม Workshop “ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชากล้วยไม้ดอกเอื้องคำ”
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมกิจกรรม Workshop ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชากล้วยไม้ดอกเอื้องคำ และชาเพื่อสุขภาพ ภายใต้การประชุมวิชาการและนิทรรศการ ครั้งที่ 12 “ทรัพยากรไทย : หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน” จัดโดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ อพ.สธ. ระหว่างวันที่ 4–10 พฤศจิกายน 2568 ณ โดมแก้ว สนามวังชัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม คณบดีคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร เป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรและชากล้วยไม้ดอกเอื้องคำ พร้อมสาธิตกระบวนการผลิตและเทคนิคการชงชาเพื่อสุขภาพนอกจากนี้ยังมีคณาจารย์และนักศึกษาจาก สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ร่วมเป็นพี่เลี้ยงในการฝึกอบรมปฏิบัติจริง ให้คำแนะนำและสาธิตขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร เพิ่มมูลค่าสมุนไพรท้องถิ่น และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรไทยอย่างรู้คุณค่า
12 พฤศจิกายน 2568     |      17
โครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์กับภาคธุรกิจ ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร) กับ บริษัท บีเจซี บิ๊กซี ซูเปอร์ฟาร์ม จำกัด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ โครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์กับภาคธุรกิจ ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร) กับ บริษัท บีเจซี บิ๊กซี ซูเปอร์ฟาร์ม จำกัดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ “โครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์กับภาคธุรกิจ” กับบริษัท บีเจซี บิ๊กซี ซูเปอร์ฟาร์ม จำกัด ณ ห้อง E502 ชั้น 5 อาคารพนมสมิตานนท์ โดยมี รองศาสตราจารย์ จักพงษ์ พิมพ์พิมล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม คณบดีคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรและ คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานกรรมการบริษัท บีเจซี บิ๊กซี ซูเปอร์ฟาร์ม จำกัด พร้อมด้วย คุณทองเปลว กองจันทร์ และ คุณดุษณี เมอร์ลิง กรรมการบริษัท เข้าร่วมลงนามในครั้งนี้ภายหลังพิธีลงนาม ได้เข้าเยี่ยมชม ห้องปฏิบัติการและห้องคัดบรรจุผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่ความร่วมมือระหว่างคณะฯ และบริษัทฯ เพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพของผลิตผลทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ต่อไปคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรได้เล็งเห็นความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ขณะเดียวกัน บริษัท บีเจซี บิ๊กซี ซูเปอร์ฟาร์ม จำกัด เป็นองค์กรเอกชนในธุรกิจสินค้าผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญสูง ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นสมควรจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความรู้และทักษะของนักศึกษา การวิจัย และการพัฒนานวัตกรรม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ อันจะนำไปสู่การบูรณาการด้านการเรียนการสอนและการบริการวิชาการร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและบริษัท
12 พฤศจิกายน 2568     |      18
ก้าวต่อยอดความร่วมมือไทย–ไต้หวัน สร้างเครือข่ายวิชาการเพื่อเกษตรยั่งยืน ม.แม่โจ้ ร่วมประชุมวางแผนกับ NPUST Taiwan
ก้าวต่อยอดความร่วมมือไทย–ไต้หวัน สร้างเครือข่ายวิชาการเพื่อเกษตรยั่งยืน ม.แม่โจ้ ร่วมประชุมวางแผนกับ NPUST Taiwanวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ?ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม คณบดีคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.แพรวพรรณ จอมงาม เข้าร่วมการประชุมหารือร่วมกับทีมผู้บริหาร คณะผลิตกรรมการเกษตร เพื่อวางแผนแนวทางความร่วมมือทางวิชาการกับ Professor Dr. Yi-Hsien Lin คณบดีภาควิชา Plant Medicine, Agriculture College และ Dr. Shang-Han Tsai ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือต่างประเทศ (Director of Overseeing the Cooperation Division) จาก National Pingtung University of Science and Technology (NPUST) ประเทศไต้หวัน? ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้การประชุมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพด้านวิชาการ การวิจัย และนวัตกรรมทางการเกษตรให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต
12 พฤศจิกายน 2568     |      15