คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY

     ตั้งแต่รัฐบาลดำเนินการตาม นโยบายรถยนต์คันแรก เป็นต้นมา กว่าเจ็ดแสนคนได้รับอานิสงส์กันไปแล้ว และคาดว่าผู้ได้รับอานิสงส์จะเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นกว่าหนึ่งล้านคนเพราะรัฐบาล ได้ขยายเวลาการจองรถได้มาจนถึงปลายปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลกำลังปลาบปลื้มกับผลงานชิ้นนี้ เพราะช่วยกระตุ้นยอดการผลิตรถยนต์ภายในประเทศในปี พ.ศ.2555 ขึ้นไปถึงสองล้านกว่าคัน ทั้งๆ ที่นโยบายนี้สวนทางกับนโยบายการประหยัดพลังงานและการลดการนำเข้าน้ำมันอย่าง ชัดเจน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภาระหนี้สาธารณะของประเทศให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนนโยบายนี้จะมีผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติมากน้อยแค่ไหน มีใครได้ใครเสียบ้าง คงป่วยการที่จะกล่าวถึงแล้วในเวลานี้ เพราะการดำเนินนโยบายได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าในเวลานี้ก็คือ ผู้บริโภคที่ดิ้นรนเข้าร่วมใช้สิทธิ์จนทันเวลาตามนโยบายนี้ หลายคนหลวมตัววางเงินจองไปแล้ว ขณะที่ยังมีอีกมากที่ยังรู้สึกเสียดายว่า พลาดโอกาสการเป็นเจ้าของรถยนต์คันแรกในชีวิตไป แต่นั่นอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ หากได้หันมาทบทวนเรื่องนี้กันอย่างรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง (อ่านต่อบทความแบบ PDF   คลิ๊กที่นี้ )

ที่ผ่านมา ผู้บริโภคกลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ แล้วล้วนเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า ผู้มีอันจะกิน เพราะคนเหล่านี้มีเงินมีกำลังซื้ออยู่แล้ว สามารถตัดสินใจได้ในทันที แม้เดิมคนกลุ่มนี้ไม่ได้คิดจะซื้อรถเพิ่มเพราะไม่มีความจำเป็น(มีใช้อยู่ แล้ว) แต่การได้ประโยชน์เห็นๆ จากการคืนเงินภาษีของรัฐบาลสูงสุดถึงคันละหนึ่งแสนบาท ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องรีบฉวยโอกาสทันที การใช้ชื่อคนในครอบครัว หรือแม้แต่คนงานคนรับใช้ภายในบ้านมาใช้สิทธิจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ผิดเงื่อนไข และไม่ได้ยากที่จะกระทำ แม้ได้ชื่อว่า รถยนต์คันแรกในทางนิตินัย แต่กลับกลายเป็นรถยนต์คันที่ 2 3 4 5…ของครอบครัวในทางพฤตินัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อเป็นสำคัญ เพราะโอกาสที่จะซื้อรถยนต์ราคาถูกกว่าปกติเป็นเรือนแสนเช่นนี้ไม่ได้หาง่ายๆ กรณีนี้นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับภาษีที่รัฐควรจะได้ แต่กลับต้องเสียไปให้กับคนมีอันจะกินอยู่แล้ว

ผู้บริโภคกลุ่มต่อมาที่ได้ประโยชน์ได้แก่ ผู้ที่ครอบครัวยังไม่เคยมีรถยนต์เป็นของตนเองจริงๆ แต่พอจะกัดฟันอดออมเพื่อรถยนต์คันแรกของครอบครัวได้ (มีศักยภาพพอ) และอยู่ในช่วงกำลังมองหารถยนต์ใช้อยู่พอดี จึงนับว่าเป็นโชคดีเป็นโอกาสเหมาะของคนกลุ่มนี้อย่างแท้จริง จึงต้องขอแสดงความยินดีกับคนกลุ่มนี้ แต่น่าเชื่อว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มากนัก เพราะเป็นอุปสงค์ปกติตามกลไกตลาด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มคนที่เหลือ เพราะนอกจากคนสองกลุ่มแรกแล้ว กลุ่มคนที่เหลือล้วนอยู่ในฐานะที่ยังไม่พร้อมจะมีรถยนต์ใช้และยังไม่คิดจะ ซื้อรถยนต์คันแรก แต่โอกาสและสถานการณ์ตรงหน้ากระตุ้นให้ต้องดิ้นรนหาเงินมาซื้อให้ได้ และสิ่งที่จะตามมาในเวลาอันใกล้ก็คือ หนี้สินและปัญหาจิปาถะ ดังนี้

ประการแรก ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (ชั้นหนึ่ง) ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากเงินจอง เงินดาวน์ และเงินค่างวดที่ผู้ซื้อต้องจ่ายแล้ว ผู้บริโภคหลายคนคงไม่เคยรู้มาก่อนว่า การเช่าซื้อผ่อนรถยนต์ (ซื้อรถเงินผ่อน)นั้น จะต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่ง ซึ่งผู้ซื้อจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเป็นหมื่นขึ้นไป สำหรับรถยนต์ราคา 5-6 แสน (ขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซี) หากผู้ซื้อไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ แค่เดือนแรกก็ชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว เพราะผู้ซื้อระดับนี้มักมีรายได้ไม่มากนักรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากปกติแค่ หลักพันก็อาจเป็นปัญหาแล้ว ดังนั้นรายจ่ายหลักหมื่นย่อมเป็นปัญหาอย่างแน่นอน เมื่อเดือนแรกเริ่มเป็นปัญหา แล้วเดือนต่อไปปีต่อไปจะเอาตัวรอดกับหนี้สินผูกพันจากรถยนต์คันแรกนี้ได้ อย่างไร

ประการที่สอง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้รถยนต์ คนที่ไม่เคยมีรถยนต์ใช้มาก่อนอาจไม่ทราบว่า ค่าน้ำมันนั้นเป็นรายจ่ายที่ค่อนข้างสูงมากและจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะแนวโน้มราคาน้ำมันมีแต่จะสูงขึ้นๆ หากนำรถมาใช้ไปๆมาๆแค่ที่บ้านกับที่ทำงานในระยะทางสิบกว่ากิโลเมตร ค่าน้ำมันเดือนหนึ่งๆ ก็ตกไป 2-3 พันบาทแล้ว การควักเงินเติมน้ำมันครั้งละพันครึ่งพันคงไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับผู้มีราย ได้แค่หมื่นสองหมื่นแน่ นี่คือรายจ่ายเห็นๆ จากการใช้รถยนต์

ประการที่สาม ค่าบำรุงรักษา ผู้ซื้อรถยนต์จะต้องไม่ลืมว่าค่าบำรุงรักษาเป็นรายจ่ายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ได้เช่นกัน รถยนต์เมื่อวิ่งได้ระยะทางทุกๆ หนึ่งหมื่นกิโลเมตร หรือทุกๆ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย แม้รถยนต์ไม่ค่อยได้ถูกใช้งาน แต่ผู้ใช้ก็จะต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ ค่าใช้จ่ายครั้งหนึ่งๆ ก็เป็นหลักพันหากไม่นำรถยนต์เข้ารับบริการตามกำหนด บริษัทประกันก็จะไม่คุ้มครองการรับประกันความเสียหายต่างๆ ของเครื่องยนต์ และอะไหล่ นอกจากนี้ ในช่วงเวลา 5 ปี ผู้ใช้รถยนต์จะต้องสลับยางและตั้งศูนย์ล้อหนึ่งหรือสองครั้ง และต้องเปลี่ยนยางอีกหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย(เพราะยางหมดอายุ) รวมค่าใช้จ่ายเรื่องล้อและยางในรอบห้าปีมากกว่าหนึ่งหมื่นบาท และยังจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่อีกหนึ่งถึงสองครั้งด้วย ซึ่งครั้งหนึ่งตกราวสองพันบาท รายจ่ายเหล่านี้ไม่ได้น้อยเลยสำหรับหลายๆ ท่าน

ประการที่สี่ ค่าความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แม้รถยนต์ที่เช่าซื้อ(ผ่อน)จะมีประกันภัยชั้นหนึ่งดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันจะรับผิดชอบชดใช้ให้ทุกกรณี เพราะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยเจ้าของรถเป็นฝ่ายผิดหรือหาคู่กรณีไม่ ได้ เจ้าของรถก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกจำนวนหนึ่งด้วยตามสัญญา ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้หลีกเลี่ยงได้ยากที่จะไม่ให้เกิดขึ้นเลยตลอดระยะเวลา 5 ปี ตามภาระผูกพันของโครงการรถยนต์คันแรก

ประการสุดท้าย ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้ใช้รถยนต์เองแม้ผู้ซื้อรถยนต์จะตั้งใจประหยัดอดออม แค่ไหน แต่ถึงกระนั้นก็จะมีรายจ่ายที่ไม่เคยมีเพิ่มขึ้นเมื่อมีรถยนต์ส่วนตัวใช้ เป็นเงาตามตัว เช่น ค่าภาษีรายปี ค่าที่จอดรถ ค่าล้างรถ ไปจนถึงค่าบริการเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ บางรายการไม่อาจแสดงเป็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน แต่มันเป็นรายจ่ายที่ต้องมีอย่างแน่นอน และจะกระทบกับรายจ่ายประจำที่จำกัดจำเขี่ยจนทำให้เป็นปัญหาได้ในที่สุด

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงข้อคิดตามข้อเท็จจริงที่อยากจะเตือนทุกๆ ท่านที่ได้ตัดสินใจจองรถยนต์ตามโครงการนี้ไปแล้ว ซึ่งอาจต้องคิดทบทวนใหม่ให้รอบคอบอีกครั้งก่อนทำสัญญารับรถ บางทีการยอมทิ้งเงินจองอาจทำให้ท่านไม่ต้องอมทุกข์ไปตลอด 5 ปีข้างหน้า หรือนานกว่านั้นดังคำพังเพยที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย โครงการนี้นับเป็นลาภก้อนใหญ่สำหรับผู้ที่พร้อมจะมีรถยนต์อยู่แล้วเท่านั้น และเป็นเพียงลาภก้อนเล็กๆ สำหรับผู้ที่มีอันจะกินหรือมีเงินสดอยู่ในธนาคาร แต่มันจะเป็นทุกขลาภสำหรับทุกท่านที่ยังไม่พร้อมจะมีรถยนต์เป็นของตนเอง

ดังนั้น การพลาดโอกาสจองรถในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียดายอะไร และหากท่านใจเย็นรออีกนิด (ไม่เกิน 5 ปี) โอกาสของท่านจะมีมาอีกอย่างแน่นอน นั่นคือ จะมีรถยนต์มือสองสภาพดีราคาถูกมาให้ท่านเลือกซื้ออย่างมากมาย ถึงตอนนั้น ท่านก็จะมีรถยนต์คันแรกใช้อย่างไม่ต้องสงสัย และขับไปไหนต่อไหนได้อย่างมีความสุข

 

ผศ.สุพจน์ เอี้ยงกุญชร
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ที่มา :ภาพและเนื้อหาจาก (แนวหน้า )18 ม.ค.2556

ปรับปรุงข้อมูล : 1/1/2557 0:00:00     ที่มา : คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 6344

กลุ่มข่าวสาร : บทความน่าสนใจ

ข่าวล่าสุด

ทีม Daoruang X อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คว้ารางวัลจากการแข่งขัน Pitching Final Round ผลงานนวัตกรรมและผู้ประกอบการนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ทีม Daoruang X อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คว้ารางวัลจากการแข่งขัน Pitching Final Round ผลงานนวัตกรรมและผู้ประกอบการนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ขอแสดงความยินดีกับทีม Daoruang X อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้รับรางวัล First Runner-Up Cosmetic Innovation Award โล่รางวัลและเงินรางวัลจำนวน 5,000 บาท จากการแข่งขัน Pitching Final Round ผลงานนวัตกรรมและผู้ประกอบการนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จัดโดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งจะได้รับโล่และเงินรางวัลจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้งาน อว.แฟร์ 2028 ในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 11.40 น. ณ เวทีกลาง ภายในงาน อว.แฟร์ ชั้น G ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันสุดยอดนวัตกรรมเครื่องสำอางไทย ภายใต้แนวคิด Cosmetic Innovation Award ซึ่งมีทีมที่ได้รับรางวัลจำนวน 5 ทีม?? Daoruang X เป็นผลงานวิจัยที่พัฒนาและต่อยอดสารสกัดจากดอกดาวเรืองอินทรีย์ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องการบำรุงสายตา ผลงานจากนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร •นางสาวนฤมล บุญมี•นางสาวนิภาธร วิลัยลักษณ์•นางสาววรัญญา เฟื่องชุ่มอาจารย์ที่ปรึกษา : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม ขอบคุณข้อมูลจากอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
16 สิงหาคม 2568     |      84
รางวัล “เหรียญรางวัลเรียนดี” ประจำปี พ.ศ. 2568 จากกองทุนเพื่อการศึกษาและวิจัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาคนเก่งของเรา คว้ารางวัล “เหรียญรางวัลเรียนดี” ประจำปี พ.ศ. 2568 จากกองทุนเพื่อการศึกษาและวิจัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอแสดงความยินดีกับ นายศิราวัชร์ สุวรรณวัฒนา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวกรรมอาหาร ที่ได้รับ “เหรียญรางวัลเรียนดี” จากกองทุนเพื่อการศึกษาและวิจัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)รางวัลอันทรงเกียรตินี้มอบให้กับนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม และประพฤติดี ซึ่ง นายศิราวัชร์ สุวรรณวัฒนา มีเกรดเฉลี่ยสะสม 4.00 ตลอดหลักสูตร นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สร้างชื่อเสียงให้กับสาขาวิศวกรรมอาหารและคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อย่างเต็มภาคภูมิ> ? ติดตามรายชื่อผู้ได้รับรางวัลทั้งหมดจากทั่วประเทศพเพิ่มเติมได้ที่:?? โพสต์ต้นฉบับจาก วสท. https://www.facebook.com/share/p/15rFaUGDH1/
16 สิงหาคม 2568     |      576
รับการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะ ปีการศึกษา 2567 ตามเกณฑ์ CUPT-QMS ระหว่างวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2568
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ รับการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะ ปีการศึกษา 2567 ตามเกณฑ์ CUPT-QMS ระหว่างวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2568 ณ อาคารเรียนรวมสาขาวิศวกรรมศาสตร์ โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมินฯ ประกอบด้วย1. รศ.ดร.ปาริชาติ บัวเจริญ ข้าราชการบำนาญ เป็นประธานกรรมการ2. ผศ.ดร.ดร.ณภัทร เรืองนภากุล จากคณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นกรรมการ3. อ.ดร.จักรพงษ์ ไชยวงศ์ จากคณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นกรรมการ4. น.ส.สิริกร บุญฟู จากคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นเลขานุการจากการประเมินในครั้งนี้ คณะฯ ได้รับผลการประเมินในระดับ คะแนน4 ??? สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง           ในโอกาสนี้ คณะฯ ขอขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ นักศึกษา ศิษย์เก่า และผู้ใช้บัณฑิต ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจและสนับสนุนการดำเนินการตรวจประเมินในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
16 สิงหาคม 2568     |      77
ขอเชิญบุคลากรและนักศึกษาผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษหัวข้อ: Innovative Applications of AI in Poultry Management
ขอเชิญบุคลากรและนักศึกษาผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษหัวข้อ: Innovative Applications of AI in Poultry Managementโดย Assoc. Prof. Dr. Yao-Chuan Tsai จาก National Chung Hsing University (NCHU) ไต้หวันวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568เวลา 09.00 – 12.00 น.ห้อง E122คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้การบรรยายนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในระบบเกษตรอัจฉริยะ โดยเฉพาะด้านการจัดการฟาร์มสัตว์ปีกด้วยระบบ AISpecial Lecture InvitationTopic: Innovative Applications of AI in Poultry Management by Assoc. Prof. Dr. Yao-Chuan Tsai National Chung Hsing University(NCHU), Taiwan Date: Friday, August 1, 2025Time: 09:00 AM – 12:00 PMVenue: Room E122, Faculty of Engineering and Agro-Industry, Maejo UniversityThis lecture will explore how AI technologies are applied in modern poultry farming to enhance productivity, health monitoring, and smart management systems. 
16 สิงหาคม 2568     |      781