คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY

   

  

    สถานการณ์ความผันแปรของสภาพอากาศ ของประเทศไทยตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2553 ต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้นั้น เป็นที่แน่ชัดว่า เกิดจากอิทธิพลของลานีญา (La Nina) ทั้งนี้เพราะความผันแปรของสภาพอากาศตลอดปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ สองสามประการที่บ่งชี้ว่า ต้นเหตุเกิดจากอิทธิพลของลานีญา อย่างแน่นอน ดังนี้

   ประการแรกคือ อุณหภูมิอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ ปี พ.ศ. 2554 อุณหภูมิอากาศของประเทศไทยมีความผันแปรผิดปกติ มากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เพราะเป็นปีที่มีอากาศหนาวยาวนานจนถึงกลางเดือน มีนาคม ซึ่งนับว่าผิดปกติอย่างมาก เนื่องจาก ปกติในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศจะหนาวเย็น ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคมจัดเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย แต่กลางเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2554 เกิดอุณหภูมิลดต่ำลงอย่างฉับพลันทั่วทุกภาคของประเทศ

   สาเหตุมาจากลมตะวันตกกำลังแรงที่พัดมาจากเทือกเขาหิมาลัยผ่านเข้ามาทางตอนเหนือของประเทศไทย และปะทะเข้า กับมวลอากาศเย็นของความกดอากาศสูงกำลังแรงที่แผ่ลงมาจากประเทศจีนเข้าปกคลุมประเทศไทยหลายระลอก จากการตรวจวัดของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ช่วงดังกล่าวอุณหภูมิอากาศต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสเกือบทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง (ตั้งแต่กรุงเทพฯขึ้นไป) และมีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส เกือบทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและบางจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคอีสาน จึงทำให้กล่าวได้ว่า เกิดอากาศหนาวกลางฤดูร้อน ขึ้นในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554

   เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเป็นอิทธิพลโดยตรงของลานีญา ซึ่งตรงกันข้ามกับปีที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง เพราะปี พ.ศ. 2553 จัดเป็นปีที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบทศวรรษของประเทศไทย (แม่โจ้ปริทัศน์ ปีที่ 11 ฉบับที่ 6) โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนเมษายนสูงถึง 30.8 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่าปกติถึง 1.4 องศาเซียลเซียส จัดเป็นอันดับสองรองจากปี พ.ศ. 2501 เท่านั้น และอุณหภูมิสูงสุดที่ตรวจวัดได้ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 ที่ อ.เมือง จ.ตาก สูงถึง 43.5 องศาเซลเซียส ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติอุณหภูมิสูงสุดของประเทศไทย (44.5 องศาเซลเซียส)

 ประการที่สอง ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ จากข้อมูลปริมาณน้ำฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ฤดูฝนของปี พ.ศ. 2554 มีฝนตกชุกมากและผิดปกติมากที่สุด โดยภาพรวมของทั้งประเทศ ฤดูฝนปีนี้มีปริมาณฝนสะสมสูงถึง 1,822 มม. ซึ่งสูงกว่าค่าปกติ ถึงร้อยละ 28 โดยภาคอีสานมีฝนสะสมสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 24 ขณะที่ภาคกลางสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 26 และสูงกว่าค่าปกติมากถึงร้อยละ 42 สำหรับภาคเหนือ นี่คือต้นเหตุที่แท้จริงของมหาอุทกภัยในปีนี้ เพราะตามปกติฤดูฝนในส่วนพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย (ทั่วทั้งประเทศยกเว้นภาคใต้) จะอยู่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม โดยแต่ละเดือนจะมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 100 มม.ขึ้นไป

   แต่ปีนี้กลับมีฝนตกหนักตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งนับว่า ผิดปกติเป็นอย่างยิ่งเพราะยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน (แล้ง) โดยเฉพาะ ในภาคเหนือและภาคกลางมีฝนตกในเดือนนี้มากกว่าค่าปกติถึงสามเท่า และตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคมก็ยังมีฝนตกมากกว่าค่าปกติทุกเดือนด้วย ยกเว้นเพียงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมของภาคกลางเท่านั้น ที่มีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติเพียงเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้สถานการณ์มหาอุทกภัยผ่อนคลายลงได้ ไม่เช่นนั้นมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปีนี้คงยืดเยื้อต่อเนื่องไปอีกจนถึงสิ้นปีอย่างแน่นอน เหตุการณ์เหล่านี้ยืนยันถึงอิทธิพลโดยตรง ของลานีญาอย่างชัดเจน

   ในปี พ.ศ. 2554 นี้ มีฝนตกหนักผิดปกติในเดือนมีนาคมของพื้นที่ภาคใต้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 5 ถึง 10 เท่า (ทำลายสถิติ มากมายเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่) ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ขึ้นในเดือนมีนาคม เหตุการณ์นี้จึงต้องถูกบันทึกเป็น น้ำท่วมกลางฤดูแล้งของภาคใต้ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่า จะเกิดขึ้นได้อีกโดยง่าย แต่เป็นเหตุการณ์ที่แสดงถึงอิทธิพล ของลานีญาอย่างชัดเจนอีกเช่นกัน

   ส่วนฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในช่วงเดือนธันวาคม และเดือนมกราคมนั้น แม้จะถือเป็นเรื่องปกติ แต่ปริมาณฝนที่ตก ก็ค่อนข้างมาก (สูงกว่าค่าเฉลี่ย) ในหลายพื้นที่ และนอกจากนี้ยังมี ปรากฏการณ์คลื่นลมแรงตลอดแนวชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก (ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย) บางพื้นที่มีคลื่นสูงมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งแถบจังหวัดนราธิวาสและปัตตานี หาดสมิหลา จังหวัดสงขลา และแหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับความเสียหายเป็นอันมาก

   ประการที่สาม ความแปรปรวนของพายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) ปี พ.ศ. 2554 พายุหมุนเขตร้อนก่อตัวค่อนข้างมากในช่วงต้นฤดู แต่กลับขาดหายไปอย่างรวดเร็วในช่วง ท้ายฤดู (โดยปกติช่วงฤดูพายุหมุนเขตร้อนจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนธันวาคม) และที่ยิ่งผิดปกติไปกว่านั้นก็คือ ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเคยเป็นช่วงที่มักมีพายุหมุนเขตร้อน เข้าถึงประเทศไทยได้และมักสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย แทบทุกปี แต่ปีนี้กลับไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว แม้ในเดือนตุลาคมจะเกิดพายุโซนร้อนบันยัน (Ban Yan) ขึ้นในทะเลจีนตอนใต้แต่ก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว และแม้แต่พายุไต้ฝุ่นวาชิ (Washi) ที่ก่อตัวขึ้นในเดือนธันวาคม สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศฟิลิปปินส์ตอนใต้อย่างมากมายมหาศาล ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าพันคน แต่พายุวาชิก็มาสลายตัวในทะเลจีนตอนใต้ใกล้ๆ ประเทศเวียดนาม แม้ไม่อาจชี้ชัดได้ว่าอิทธิพลของลานีญามีผลต่อการก่อตัวและการเคลื่อนที่ของพายุหมุนเขตร้อนโดยตรง แต่ความแปรปรวนที่ปรากฏก็น่าเชื่อได้ว่า อิทธิพลของลานีญาน่าจะมีส่วน เกี่ยวข้องอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

   แม้ปรากฏการณ์ ลานีญา ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2554 นี้จะมี ความรุนแรงอยู่ในระดับปานกลางก็ตาม แต่เป็นลานีญา ที่เกิดขึ้น ทันทีที่ปรากฏการณ์เอลนีโญ (EL Nino) สิ้นสุดลง และคงสภาวะอยู่เป็นเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ ทั้งนี้เพราะปกติลานีญา จะเกิดขึ้นและยุติลงภายในเวลาไม่เกินหนึ่งปี แต่ครั้งนี้เกิดปรากฏการณ์ ลานีญา ขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2553 และคงสภาพยาวนานข้ามปี พ.ศ. 2554 และจากการติดตามสถานการณ์ ENSO (El Nino / La Nina) อย่างใกล้ชิดของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ขณะนี้ ศูนย์พยากรณ์ส่วนใหญ่ต่างคาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์ลานีญา จะยังคง สภาวะอยู่ต่อไปจนถึงกลางปี พ.ศ. 2555 รวมเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ ครั้งนี้จึงยาวนานถึง 2 ปี (ถ้าหากสถานการณ์ยุติลงตามที่ได้คาดการณ์ไว้) ซึ่งนับได้ว่า สถานการณ์ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ลานีญา ที่เกิดยาวนานมากผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยยังคงต้อง ถูกคุกคามจากอิทธิพลของลานีญาต่อไปอีกครึ่งปีเป็นอย่างน้อย

   ดังนั้น ปี พ.ศ. 2555 นี้ ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับอากาศหนาวเย็นและฝนตกหนักกว่าปกติ และต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยต่อไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

ผศ.สุพจน์ เอี้ยงกุญชร

ปรับปรุงข้อมูล : 8/1/2555 10:57:05     ที่มา : คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 14022

กลุ่มข่าวสาร : บทความน่าสนใจ

ข่าวล่าสุด

พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร กับสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร กับสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร และสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นำพร ปัญโญใหญ่ รองคณบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และบริการวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ รัตนพรหม รองคณบดีฝ่ายวิชาการและการต่างประเทศ อาจารย์ ดร.แพรวพรรณ จอมงาม ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายเทคโนโลยี นวัตกรรมและจัดหารายได้  นายสุมิตร เชื่อมชัยตระกูล หัวหน้าศูนย์บริการวิชาการ เข้าร่วมลงนามความร่วมมือ พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตะวัน ฉัตรสูงเนิน ผู้อํานวยการสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉันทนา ซูแสวงทรัพย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม นางริมฤทัย พุทธวงค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและห้องปฏิบัติการ เข้าร่วมลงนามความร่วมมือ ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารเรียนรวม สาขาวิศวกรรมศาสตร์ การทำความร่วมร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ร่วมกัน รวมถึงการร่วมมือกันพัฒนาองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งถ่ายทอดความรู้การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้แก่บุคลากรและนักศึกษา คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีในการร่วมมือกันเพิ่มประสิทธภาพในการทำงาน และพัฒนาองค์กรให้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป
20 พฤษภาคม 2568     |      10
ขอแสดงความยินดี! อาจารย์คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร คว้า 5 เหรียญจากว่ายน้ำ “ตุมปังเกมส์” พร้อมประเดิมเหรียญแรกให้แม่โจ้
ขอแสดงความยินดี! อาจารย์คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร คว้า 5 เหรียญจากว่ายน้ำ “ตุมปังเกมส์” พร้อมประเดิมเหรียญแรกให้แม่โจ้คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอแสดงความยินดีกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิวโรฒ บุญราศรี อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลรวม 5 เหรียญ จากการแข่งขันกีฬาบุคลากรมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 “ตุมปังเกมส์” ณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประกอบด้วยเหรียญทอง จากรายการ กรรเชียง 50 เมตร รุ่นอายุ 50-54 ปี ชายเหรียญเงิน จากรายการ กบ 50 เมตร รุ่นอายุ 50-54 ปี ชายเหรียญเงิน จากรายการ ผลัดผสม 4x50 เมตร รุ่นอายุ 40-44 ปี ชายเหรียญเงิน จากรายการ ผลัดฟรีสไตล์ 4x50 เมตร รุ่นอายุ 40-44 ปี ชายเหรียญทองแดง จากรายการ ฟรีสไตล์ 50 เมตร รุ่นอายุ 50-54 ปี ชายโดยเฉพาะ เหรียญทองแดงจากฟรีสไตล์ 50 เมตรชาย รุ่นอายุ 50-54 ปี นับเป็น เหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาแม่โจ้ ในการแข่งขัน “ตุมปังเกมส์” ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3–10 พฤษภาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “Power of Spirit” มีนักกีฬาบุคลากรจาก 59 สถาบันอุดมศึกษา เข้าร่วมแข่งขันใน 17 ชนิดกีฬาความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพของบุคลากรในด้านกีฬา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพ การทำงาน และความเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชาวมหาวิทยาลัยแม่โจ้ทุกคน
20 พฤษภาคม 2568     |      10
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ?? ร่วมงานประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงก์ตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11 “นวัตกรรมสาหร่ายและแพลงก์ตอนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Algae & Plankton Innovation for Sustainable Development Goals - SDGs)
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ?? ร่วมงานประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงก์ตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11“นวัตกรรมสาหร่ายและแพลงก์ตอนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”(Algae & Plankton Innovation for Sustainable Development Goals - SDGs)ระหว่างวันที่ 1–2 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ จังหวัดเชียงใหม่ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ??ร่วมงานการประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงก์ตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสาหร่ายและแพลงก์ตอนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อเป็นเวทีในการนำเสนอผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านสาหร่ายและแพลงก์ตอนกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศในพิธีเปิดการประชุม ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ รัตนพรหมรองคณบดีฝ่ายวิชาการและการต่างประเทศคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมเป็นผู้แทนคณะฯ เพื่อแสดงเจตจำนงในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรชีวภาพและความยั่งยืนพร้อมกันนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ได้รับเกียรติร่วมเสวนาในหัวข้อ “ไข่ผำน้ำ” นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของเวทีสัมมนาวิชาการ โดยได้นำเสนอมุมมองเชิงนวัตกรรมเกี่ยวกับการใช้สาหร่ายและจุลินทรีย์ในการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)การประชุมในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักวิจัย นักศึกษา และผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
20 พฤษภาคม 2568     |      5
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชน พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่ระดับสากล
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชน พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่ระดับสากลวันพุธที่ 30 เมษายน 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม คณบดีคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร พร้อมด้วย อาจารย์ ดร.แพรวพรรณ จอมงาม ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายเทคโนโลยี นวัตกรรมและจัดหารายได้ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นักรบ นาคประสม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการกับภาคเอกชน เพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพพิธีลงนามได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานกล่าวต้อนรับผู้บริหารจาก บริษัท อีฟ แอนด์ บี จำกัด และ บริษัท บิสท์ อินโน รีฟอร์ม จำกัด ณ ห้องประชุมสภา ชั้น 5 อาคารสำนักงานมหาวิทยาลัยความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการเชื่อมโยงผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้สู่ภาคอุตสาหกรรม โดยมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ บริษัท บิสท์ อินโน รีฟอร์ม จำกัด นำเทคโนโลยีจากงานวิจัยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นักรบ นาคประสม และทีมศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัตกรรมฯ ไปต่อยอดในระดับอุตสาหกรรม พร้อมขยายความร่วมมือด้านการตลาดร่วมกับ บริษัท อีฟ แอนด์ บี จำกัด เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีงานวิจัยรองรับ ตอบโจทย์ธุรกิจในระดับสากล
20 พฤษภาคม 2568     |      8