คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY

กิจกรรมงานประเพณีรดน้ำดำหัวผู้อาวุโส ของคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร วันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย. 2557 ณ อาคารเรียนรวมสาขาวิศวกรรมศาสตร์ รายละเอียดและกิจกรรมภายในงาน 

ขนมจ็อก ขนมนมสาว

   

ขนมจ็อก  (ทางภาคกลางเรียกขนมเทียน) ขนมนมสาว รูปทรงสามเหลี่ยม ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ข้างในไส้ถั่วเขียวกวนบด ใส่มะพร้าวและน้ำตาลจะได้ไส้หวาน หรือถ้าใส่เกลือและพริกไทยจะได้ไส้เค็ม  หอมอร่อย นิยมนำไปทำบุญ ใช้ในงานมงคลต่างๆโดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์  ปี๋ใหม่เมืองของคนเหนือ

 

ส่วนผสมขนมจ็อก

ไส้เค็ม

ถั่วเขียวเลาะเปลือก

1

ถ้วย

น้ำตาลทราย

2

ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น

1

ช้อนชา

พริกไทยป่น

2

ช้อนชา

หอมแดงสับ

2

ช้อนโต๊ะ


ไส้หวาน

น้ำตาลปี๊ป

100

กรัม

มะพร้าวทึนทึก

2

ถ้วย

น้ำเปล่า

1

ถ้วย


แป้ง

แป้งข้าวเหนียว

200

กรัม

น้ำตาลปี๊บ

100

กรัม

น้ำกะทิ

2

ถ้วย

วิธีทำขนมเทียน

  1. ไส้เค็ม
    • นำถั่วเขียวแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่งให้สุก
    • นำถั่วนึ่งไปบดให้ละเอียด โดยใช้เครื่องบด แล้วตักพักไว้
    • ตั้งกะทะใช้ไฟปานกลาง เจียวหอมแดงกับน้ำมันให้พอเหลือง
    • ใส่ถั่วบด น้ำตาลทราย เกลือ และพริกไทย ลงไปผัดในกะทะ กวนพอแห้ง พักไว้
  2. ไส้หวาน
    • นำน้ำตาลปี๊บ และน้ำเปล่าใส่ในกะทะใช้ไฟปานกลาง เคี่ยวจนแตกฟอง
    • ใส่มะพร้าวทึนทึก ลงไปเคี่ยวด้วย จนเหนียวและแห้งที่จะปั้นได้ ประมาณ 10-15 นาที แล้วพักไว้
  3. แป้ง
    • นำกะทิใส่หม้อตั้งไฟอ่อน แล้วเติมน้ำตาลปี๊บลงไป คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ
    • นำแป้งข้าวเหนียวมานวด โดยค่อยๆเทส่วนผสมกะทืลงไปนวด จนเข้ากันดี พักไว้
  4. ห่อขนม
    • นำใบตองผึ่งแดดเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แตกขณะห่อ
    • ตัดใบตองเป็นวงกลม เช็ดด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อย ขนมจะได้ไม่ติดใบตอง
    • ปั้นไส้ขนมหวานหรือเค็มตามชอบ ขนาดพอคำ แล้วนำแป้งที่นวดไว้หุ้มเป็นก้อนอีกที
    • ใช้ใบตองซ้อนกัน จีบทำเป็นรูปกรวย และวางขนมลงไป
    • พับทบล่าง ซ้าย ขวา นำด้านที่แหลมสอด พับ  แล้วห่อจะได้ขนมทรงสามเหลี่ยม 
    • นำขนมไปนึ่ง โดยใช้ไฟแรงประมาณ 20 นาที พักให้เย็น พร้อมทาน

 

 

ไข่ป่าม 

   

ส่วนผสม ไข่ป่าม

  1. ไข่
  2. น้ำปลา
  3. ใบตองเป็นกระทง
  4. ต้นหอม

วิธีทำ ไข่ป่าม แสนอร่อย

  1. ตีไข่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา
  2. พับใบตองเป็นกระทง ใส่ไข่ที่ตีแล้วลงไป โรยด้วยต้นหอม
  3. นำไปย่างไฟอ่อน ๆ จนไข่สุกเหลือง น่ากิน

 

 

ตุงไ่ส้หมู

   

 

"ตุงไ่ส้หมู" เป้นชื่อที่นิยมใช้กันในจังหวัดเชียงใหม่ ในถิ่นอื่นอาจเรียกแตกต่างกันไป เช่น ลำปางเรียกช่อพญายอ จังหวัดเชียงรายและลำพูนเรียกว่า ตุงไส้ช้างภาคกลางเรียก พวงมโหตร

 

ลักษณะตุงไส้หมูมีรูปทรงเหมือนเจดีย์ ทำจากกระดาษว่าวหลากสี ใช้ปักบนกองเจดีย์ทรายคุ๋กับตุง 12 ราศี เพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี และพระธาตุประจำปีเกิด

วัสดุที่ใช้ทำตุงไส้หมู

1.กระดาษว่าว 
2.กระดาษแข็ง 
3.ไม้ไผ่ 
4.กรรไกร 
5.เข็ม 
6.เชือก
7.กาว   

วิธีทำตุงไส้หมู

    

1.นำกระดาษว่าว 2 แผ่นๆ คละสีมาซ้อนกันพับให้เป้นสามเหลี่ยมด้านเท่า ตัดส่วนปลายที่เหลือออก
2.พับครึ่งรูปสามเหลี่ยมอีก 2 ครั้ง ตัดชายด้านที่ไม่เท่ากันให้เป็นลวดลายตามต้องการ
3.ใช้กรรไกรตัดเส้นตรงจากด้านที่เปิดได้เข้าไปลึก เหลือช่องว่างไม่ให้ขาดไว้พอประมาณ กลับด้านแล้วตัดเส้นตรงขนานกับเส้นแรก จากนั้นตัดสลับกันไปตลอดความกว้างจนถึงปลาย เหลือปลายไว้ประมาณ 4 เซนติเมตร เพื่อทำหัวตุง
4.ตัดเสร็จแล้ววางลงให้เหมือนเดิมแล้วเปิดด้านข้างที่ซ้อนกันออกจน เป้นสามเหลี่ยมด้านเท่า จับปลายด้านที่ซ้อนกันเปิดเป็นสี่เหลี่ยมทั้งสองแผ่น จับตรงกลางกระดาษยกขึ้น
5.ตักกระดาาแข็งเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งนิ้ว ทากาวติดด้านในของหัวตุง ใช้ดายร้อยด้านบน นำไปผูกติดกับปลายไม้ไผ่ เป้นอันเสร็จนำไปใช้งานได้

 

 

 

ปรับปรุงข้อมูล : 29/4/2557 14:37:09     ที่มา : คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 2400

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวล่าสุด

ประกาศรับสมัครทุนการศึกษาคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ประจำปี 2567 จำนวน 41 ทุน ๆ ละ 6,000 บาท
ประกาศรับสมัครทุนการศึกษาคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ประจำปี 2567 จำนวน 41 ทุน ๆ ละ 6,000 บาทคุณสมบัติ1. เป็นนักศึกษาของคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ชั้นปีที่ 2-42. ไม่ถูกพักการศึกษา ไม่ถูกลงทางวินัย และไม่ได้รับทุนการศึกษาอื่นใด ยกเว้น กยศ.3. มีผลการเรียนเฉลี่ย ไม่น้อยกว่า 2.00การรับสมัครเปิดรับสมัครตั้งแต่วันประกาศถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โดยผู้สมัครสแกน QR Code กรอกรายละเอียดและอัพโหลดเอกสารแนบ (บัตรนักศึกษาและสำเนาผลการเรียน) สอบถามเพิ่มเติมงานกิจการนักศึกษา สำนักงานคณบดี ชั้น 1 อาคารเรียนรวมสาขาวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร
20 กรกฎาคม 2567     |      59