คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY

      ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวใดที่ผู้คนให้ความสนใจต่อเนื่องและยาวนานเท่ากับข่าวน้ำท่วมและ อุทกภัย ทั้งข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลา ทั้งความคิดและความเห็นหลั่งไหลออกมายิ่งกว่ากระแสน้ำ หลายเรื่องถูกนำเสนอออกมาอย่างถูกต้องเป็นจริงตามหลักการทางวิชาการ แต่หลายเรื่องถูกนำเสนอออกมาโดยนักการเมืองอวดรู้และนักวิชาการอวดเก่ง เพียงเพื่อสร้างชื่อ สร้างกระแสให้กับตัวเองเป็นสำคัญ  (อ่านต่อบทความแบบ PDF   คลิ๊กที่นี้ )

สถานการณ์เช่นนี้ บางครั้งทำให้ผู้รับข่าวสารเกิดความตื่นตระหนกและเกิดความเข้าใจผิดๆ อยู่เสมอๆ และเรื่องเกี่ยวกับพายุหมุนเขตร้อน(Tropical Cyclone) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจ เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า พายุหมุนเขตร้อนเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกหนักและทำให้เกิด น้ำท่วมได้โดยง่าย แต่ในการให้ข่าวของนักการเมืองที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการที่ขาดความรับผิด ชอบบางท่าน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน และเกิดความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็นเสมอมา

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีท่านรัฐมนตรีปลอดประสบการณ์ ออกมาแถลงข่าวราวกับเป็นนักพยากรณ์อากาศเสียเองว่า ปีนี้จะมี
พายุหมุนเขตร้อนผ่านเข้ามาราว 30 ลูก ทั้งๆ ที่ความจริงพายุหมุนเขตร้อนที่เกิดในย่านเอเชียแปซิฟิกประมาณปีละ 30 ลูกนั้นไม่ได้ผ่านเข้ามามีอิทธิพลต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทยหมดทั้ง 30 ลูก แต่จะผ่านเข้ามาทางประเทศเวียดนามเพียงแค่ 5 ลูก 10 ลูก และจะเข้าถึงประเทศไทยโดยเฉลี่ยเพียง 1-3 ลูกเท่านั้น จากสถิติในรอบ 60 ปี ของกรมอุตุนิยมวิทยา พายุหมุนเขตร้อน เคยเข้ามาถึงประเทศไทยได้มากที่สุดในปี พ.ศ. 2507และ 2508 ก็แค่ปีละ 9 ลูก หลายคนที่ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนต่างก็ตกอกตกใจกันไปครั้งหนึ่งแล้ว

 

โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ พายุหมุนเขตร้อนลูกที่ 24 ชื่อ Bopha ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว และก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงประเทศไทยได้เป็นลูกที่ 2 ด้วยเป็นการส่งท้ายฤดูมรสุมปีนี้ซึ่งถ้าพายุลูกนี้เข้ามาได้ในช่วงเวลานี้ (กลางเดือนธันวาคม) ย่อมสร้างความเสียหายได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น เพราะจะมีโอกาสเข้าทางอ่าวไทยเหมือนพายุเกย์ แฮเรียส และลินดา ที่เคยสร้างความเสียหายอย่างมากมายมาแล้ว

 

ต่อมารัฐมนตรีท่านนี้ก็ออกมาแถลงข่าวรับรองว่า ปีนี้น้ำจะไม่ท่วมเหมือนปีที่แล้วอย่างแน่นอน เพราะท่านได้เตรียมการรับมือไว้อย่างดีเยี่ยม ถ้าน้ำจะท่วมอย่างปีที่แล้วได้ จะต้องมีพายุเข้ามาถึง 10 ลูก ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น ไม่ต้องมีพายุเข้ามาถึง
10 ลูก(และไม่เคยมีด้วย) แค่เฉียดๆ เข้ามาสัก 2 ลูกติดๆ กัน สถานการณ์ก็คงไม่ต่างกับปีที่แล้วอย่างแน่นอน เพราะเมื่อปีที่แล้ว
พายุหมุนเขตร้อนเข้าถึงประเทศไทยจริงๆแค่ลูกเดียวคือ พายุนกเตนส่วนอีก 2-3 ลูก ที่พูดๆ กันทั้งพายุไหหม่า และพายุไห่ถางนั้น แค่เฉียดๆมาเท่านั้น แต่นั่นก็ยังพอทำเนาเพราะเป็นคำพูดของนักการเมือง

แต่ที่น่าผิดหวังก็ตรงที่มีนักวิชาการบางท่าน ออกมาให้ท้ายในทำนองเดียวกันด้วย ครั้นพายุแกมีก่อตัวและตั้งท่าจะมาขึ้นฝั่งเวียดนามตอนกลาง เป็นลูกแรก ดูเหมือนคนที่แตกตื่นกว่าใครก็คือท่านรัฐมนตรีนั่นเอง ท่านออกมาให้ข่าวได้ไม่เว้นแต่ละวันว่า พายุแกมีจะขึ้นฝั่งเวียดนามวันนั้นวันนี้ และจะเคลื่อนที่ผ่านประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทยวันนั้นวันนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นพายุแกมีกำลังเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปทางฟิลิปปินส์

ท่านแถลงว่า อิทธิพลของพายุแกมีจะทำให้ฝนตกหนักทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ กรณีนี้พอรับได้ แต่ที่ท่านให้ข่าวว่า พายุอาจทำให้เกิดนำทะเลยกตัว (Storm surge) ขึ้นที่อ่าวบ้านแหลม จ.เพชรบุรี สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนแถวเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ไปไม่น้อย แม้เรื่องนี้จะไม่มีนักวิชาการท่านใดเห็นด้วยกับท่านเลย แต่ท่านก็ว่าของท่านไปทั้งๆ ที่พายุแกมียังเป็นแค่เพียงพายุโซนร้อน (Tropical storm) และไม่ได้มีท่าทีว่าจะพัฒนาไปเป็นพายุไต้ฝุ่น (Typhoon) แต่อย่างใดเลย แม้สุดท้ายพายุแกมีจะหวนกลับมาขึ้นฝั่งเวียดนามจนได้แต่ก็เคลื่อนที่ผ่าน ประเทศกัมพูชา เข้ามาสลายตัวในประเทศไทย โดยไม่ได้ผ่านประเทศลาวตามคำคาดเดาของท่านรัฐมนตรีแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้มีความรุนแรงเลวร้ายมากมายดังที่ท่านสร้างภาพไว้แต่ประการใด ด้วย

ดูเหมือนรัฐมนตรีท่านนี้ยัง ไม่เคยรู้สำนึกผิด ยังออกมาฟาดงวงฟาดงาต่อว่าต่อขานนักวิชาการบางท่านที่แสดงความเห็นแตกต่างไป จากท่านในเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้ง และถึงแม้จะเป็นคำพูดของนักการเมืองที่หลายคนไม่ค่อยเชื่อถืออยู่แล้ว แต่
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความเห็นและความเชื่อผิดๆ ของนักการเมืองที่มักสร้างภาพด้วยวิธีนี้อาจกลายเป็นความเชื่อของคนทั่วไป ได้ และที่น่าผิดหวังมากก็ตรงที่มีนักวิชาการบางท่านออกมาเออออไปในทำนองเดียว กันด้วย

หรือบางครั้งก็ใช้วิธีการสร้างภาพสร้างชื่อให้ตนเองเช่นเดียวกับนักการเมือง ด้วย เช่น ขณะที่พายุแกมีกำลังเคลื่อนตัวผ่านประเทศเวียดนาม ท่านก็ออกมาให้ข่าวล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ว่าพายุแกมีจะมาขึ้นฝั่งเวียดนาม วันนั้นวันนี้ แถมสร้างความมั่นใจถึงขนาดกำหนดเส้นทางและเวลานั้นเวลานี้ด้วย ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องรีบด่วนพยากรณ์ล่วงหน้าเป็นเวลานานขนาดนั้น (เลยดูเหมือนเป็นการแย่งซีนกรมอุตุนิยมวิทยา) และนักอุตุนิยมวิทยาจะไม่ทำเช่นนั้นเพราะทราบดีว่า ยิ่งการพยากรณ์
ล่วงหน้านานมากเท่าใด ความคลาดเคลื่อนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะการพยากรณ์ถึงพายุหมุนเขตร้อนที่ปัจจุบันมีความแปรปรวนสูงมาก แต่กลับปรากฏว่า มีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหนึ่งออกมาพยากรณ์ ถึงพายุพระพิรุณว่า จะเคลื่อนที่มาทางเดียวกับพายุแกมี ทั้งๆ ที่ตอนนั้นพายุพระพิรุณยังไม่ก่อตัวขึ้นด้วยซ้ำไป และสุดท้ายเมื่อพายุพระพิรุณก่อตัวขึ้นกลับเคลื่อนที่ขึ้นไปทางเหนือของ แปซิฟิกไม่ได้เฉียดมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยแม้แต่น้อย

การให้ข่าวที่ยังไม่มีความแน่นอนชัดเจน สร้างความตกอกตกใจให้กับคนที่หลงฟังแต่รัฐมนตรีท่านนี้ นับเป็นตลกร้ายสำหรับนักวิชาการที่รู้จริง เพราะหลายเรื่องออกมาจากความคิดความเห็นที่ขัดแย้งกับหลักการทางวิชาการ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าความคิดความเห็นและความเชื่อที่ออกมาโดยอคติ เพราะความคิดและความเห็นที่ขัดแย้งกับหลักการทางวิชาการนั้น ยังพอชี้แจงทำความเข้าใจกันได้ แต่สำหรับความคิดความเห็นและความเชื่อที่เกิดจากอคตินั้น ยากที่จะชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะผู้ที่คิดและเชื่อเช่นนั้นมักไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดความเห็นที่แตก ต่างออกไป โดยเฉพาะผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต หรือมีอำนาจบารมี ซึ่งโดยมากมักมีอัตตาสูงเหนือคนทั่วไป เช่น บรรดานักการเมืองอวดรู้และเหล่านักวิชาการอวดเก่ง (ที่รู้และเก่งไปเสียทุกเรื่อง) เป็นต้น ซึ่งคนพวกนี้มักมีอิทธิพลต่อความเชื่อของผู้คนในสังคมมากด้วย เพราะพวกเขามักปรากฏตามสื่อต่างๆจนเป็นที่จดจำของคนในสังคม

เท่าที่แสดงมาทั้งหมดนี้มุ่งติติงทุกท่านที่ชอบให้ความเห็นในเรื่องที่ตนไม่ รู้จริง และอยากให้บุคคลในสื่อทุกแขนงและผู้เป็นแหล่งข่าว (ทั้งนักการเมืองและนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง) ได้เรียนรู้เรื่องที่ควรรู้และเข้าใจในเรื่องที่ควรเข้าใจให้ถูกต้อง การให้ข่าวก็ดี การนำเสนอข่าวก็ดี จะได้ไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเหมือนที่ผ่านมา ดังกรณีของพายุแกมีและพระพิรุณ อันเป็นเหตุให้ประชาชนสับสน ขาดความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง และไม่เป็นประโยชน์สำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้อีกในปีต่อๆ ไป

โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ พายุหมุนเขตร้อนลูกที่ 24 ชื่อ Bophaได้ก่อตัวขึ้นแล้ว และก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงประเทศไทยได้เป็นลูกที่ 2 ด้วยเป็นการส่งท้ายฤดูมรสุมปีนี้ ซึ่งถ้าพายุลูกนี้เข้ามาได้ในช่วงเวลานี้ (กลางเดือนธันวาคม) ย่อมสร้างความเสียหายได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น เพราะจะมีโอกาสเข้าทางอ่าวไทยเหมือนพายุเกย์ แฮเรียส และลินดา ที่เคยสร้างความเสียหายอย่างมากมายมาแล้ว ดังนั้น การให้ข่าวเรื่องนี้จึงน่าจะเอากรณีของพายุแกมีและพระพิรุณมาเป็นบทเรียนกัน บ้าง

ประเทศนี้ ยังมีนักวิชาการที่มีความรู้และมีความเข้าใจเรื่องเหล่านี้อีกไม่น้อยที่เฝ้าดูอยู่ แม้พวกเขาจะไม่ค่อยยอมออกหน้า
ออกตาอย่างนักการเมือง หรือนักวิชาการที่เกี่ยวข้องบางท่าน แต่ขึ้นชื่อว่านักวิชาการแล้ว หากไม่ติดขัดอุปสรรคอะไร ส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะให้ความเห็นและคำชี้แนะดีๆ ต่อสังคมอยู่แล้ว หากบุคคลในสื่อทั้งนักการเมืองและนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง จะเปิดใจกว้างๆ รับฟังความคิดความเห็นที่หลากหลายด้วยความเคารพในหลักวิชาการ

ผศ.สุพจน์ เอี้ยงกุญชร
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ที่มา :ภาพและเนื้อหาจาก --แนวหน้า ฉบับวันที่ 5 ธ.ค. 2555  หน้า5(กลาง)--

ปรับปรุงข้อมูล : 12/7/2555 10:18:12     ที่มา : คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 9665

กลุ่มข่าวสาร : บทความน่าสนใจ

ข่าวล่าสุด

พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร กับสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร กับสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร และสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นำพร ปัญโญใหญ่ รองคณบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และบริการวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ รัตนพรหม รองคณบดีฝ่ายวิชาการและการต่างประเทศ อาจารย์ ดร.แพรวพรรณ จอมงาม ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายเทคโนโลยี นวัตกรรมและจัดหารายได้  นายสุมิตร เชื่อมชัยตระกูล หัวหน้าศูนย์บริการวิชาการ เข้าร่วมลงนามความร่วมมือ พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตะวัน ฉัตรสูงเนิน ผู้อํานวยการสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉันทนา ซูแสวงทรัพย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม นางริมฤทัย พุทธวงค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและห้องปฏิบัติการ เข้าร่วมลงนามความร่วมมือ ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารเรียนรวม สาขาวิศวกรรมศาสตร์ การทำความร่วมร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ร่วมกัน รวมถึงการร่วมมือกันพัฒนาองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งถ่ายทอดความรู้การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้แก่บุคลากรและนักศึกษา คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีในการร่วมมือกันเพิ่มประสิทธภาพในการทำงาน และพัฒนาองค์กรให้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป
20 พฤษภาคม 2568     |      42
ขอแสดงความยินดี! อาจารย์คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร คว้า 5 เหรียญจากว่ายน้ำ “ตุมปังเกมส์” พร้อมประเดิมเหรียญแรกให้แม่โจ้
ขอแสดงความยินดี! อาจารย์คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร คว้า 5 เหรียญจากว่ายน้ำ “ตุมปังเกมส์” พร้อมประเดิมเหรียญแรกให้แม่โจ้คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอแสดงความยินดีกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิวโรฒ บุญราศรี อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลรวม 5 เหรียญ จากการแข่งขันกีฬาบุคลากรมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 “ตุมปังเกมส์” ณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประกอบด้วยเหรียญทอง จากรายการ กรรเชียง 50 เมตร รุ่นอายุ 50-54 ปี ชายเหรียญเงิน จากรายการ กบ 50 เมตร รุ่นอายุ 50-54 ปี ชายเหรียญเงิน จากรายการ ผลัดผสม 4x50 เมตร รุ่นอายุ 40-44 ปี ชายเหรียญเงิน จากรายการ ผลัดฟรีสไตล์ 4x50 เมตร รุ่นอายุ 40-44 ปี ชายเหรียญทองแดง จากรายการ ฟรีสไตล์ 50 เมตร รุ่นอายุ 50-54 ปี ชายโดยเฉพาะ เหรียญทองแดงจากฟรีสไตล์ 50 เมตรชาย รุ่นอายุ 50-54 ปี นับเป็น เหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาแม่โจ้ ในการแข่งขัน “ตุมปังเกมส์” ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3–10 พฤษภาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “Power of Spirit” มีนักกีฬาบุคลากรจาก 59 สถาบันอุดมศึกษา เข้าร่วมแข่งขันใน 17 ชนิดกีฬาความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพของบุคลากรในด้านกีฬา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพ การทำงาน และความเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชาวมหาวิทยาลัยแม่โจ้ทุกคน
20 พฤษภาคม 2568     |      58
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ?? ร่วมงานประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงก์ตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11 “นวัตกรรมสาหร่ายและแพลงก์ตอนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Algae & Plankton Innovation for Sustainable Development Goals - SDGs)
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ?? ร่วมงานประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงก์ตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11“นวัตกรรมสาหร่ายและแพลงก์ตอนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”(Algae & Plankton Innovation for Sustainable Development Goals - SDGs)ระหว่างวันที่ 1–2 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ จังหวัดเชียงใหม่ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ??ร่วมงานการประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงก์ตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสาหร่ายและแพลงก์ตอนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อเป็นเวทีในการนำเสนอผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านสาหร่ายและแพลงก์ตอนกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศในพิธีเปิดการประชุม ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ รัตนพรหมรองคณบดีฝ่ายวิชาการและการต่างประเทศคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมเป็นผู้แทนคณะฯ เพื่อแสดงเจตจำนงในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรชีวภาพและความยั่งยืนพร้อมกันนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ได้รับเกียรติร่วมเสวนาในหัวข้อ “ไข่ผำน้ำ” นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของเวทีสัมมนาวิชาการ โดยได้นำเสนอมุมมองเชิงนวัตกรรมเกี่ยวกับการใช้สาหร่ายและจุลินทรีย์ในการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)การประชุมในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักวิจัย นักศึกษา และผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
20 พฤษภาคม 2568     |      40
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชน พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่ระดับสากล
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชน พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่ระดับสากลวันพุธที่ 30 เมษายน 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม คณบดีคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร พร้อมด้วย อาจารย์ ดร.แพรวพรรณ จอมงาม ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายเทคโนโลยี นวัตกรรมและจัดหารายได้ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นักรบ นาคประสม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการกับภาคเอกชน เพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพพิธีลงนามได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานกล่าวต้อนรับผู้บริหารจาก บริษัท อีฟ แอนด์ บี จำกัด และ บริษัท บิสท์ อินโน รีฟอร์ม จำกัด ณ ห้องประชุมสภา ชั้น 5 อาคารสำนักงานมหาวิทยาลัยความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการเชื่อมโยงผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้สู่ภาคอุตสาหกรรม โดยมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ บริษัท บิสท์ อินโน รีฟอร์ม จำกัด นำเทคโนโลยีจากงานวิจัยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นักรบ นาคประสม และทีมศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัตกรรมฯ ไปต่อยอดในระดับอุตสาหกรรม พร้อมขยายความร่วมมือด้านการตลาดร่วมกับ บริษัท อีฟ แอนด์ บี จำกัด เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีงานวิจัยรองรับ ตอบโจทย์ธุรกิจในระดับสากล
20 พฤษภาคม 2568     |      43