คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
FACULTY OF ENGINEERING AND AGRO-INDUSTRY, MAEJO UNIVERSITY

       กรณีการเลื่อนเวลาปิดเปิดเทอมมหาวิทยาลัยไทยตามอาเซียนที่เป็นอยู่ขณะนี้คือ จากเดิมที่เคยเปิดเทอมแรกในเดือนมิถุนายนแล้วไปปิดเทอมย่อยในเดือนตุลาคม และไปเปิดเทอมสองในเดือนพฤศจิกายนแล้วไปปิดเทอมใหญ่ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมนั้น ได้เปลี่ยนมาเปิดเทอมแรกในเดือนสิงหาคมแล้วไปปิดเทอมย่อยในเดือนธันวาคม และเปิดเทอมสองในเดือนมกราคมแล้วไปปิดเทอมใหญ่กลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกรกฎาคม กล่าวคือ มหาวิทยาลัยไทยเลื่อนเวลาเรียนออกไปราว 2 เดือนทั้งระบบ โดยอ้างว่าเป็นการปิดเปิดเทอมตามอาเซียนที่กำลังจะรวมกลุ่มเป็นประชาคมอาเซียนปลายปีนี้ ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยไทยต้องเปิดให้มีการเรียนการสอนตรงกับช่วงฤดูฝน (มิถุนายน-กันยายน) อย่างเต็มๆ ในเทอมแรก และต้องเรียนต้องสอนกันในช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) อย่างเต็มๆ ในเทอมสอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูไม่เข้าท่า

       ตั้งแต่แรกแล้ว และไม่มีใครคาดคิดว่าสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะดำเนินการอย่างนี้จริงๆ เพราะเชื่อว่าผู้บริหารการศึกษาระดับสูงน่าจะคิดได้ถึงผลกระทบที่จะมีต่อภารกิจหลักของมหาวิทยาลัย ดังนั้น จึงไม่มีใครออกมาคัดค้านอย่างจริงจังเสียแต่แรก แต่เมื่อ สกอ.สั่งการลงมาจริงๆ มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ทำตามเหมือนเด็กว่าง่าย เพราะอธิการบดีส่วนใหญ่คงตกอยู่ในบริบทที่ว่า ตามเขาดูเหมือนเก่ง บ้างก็ว่าทดลองดูไปก่อน หากไม่เหมาะสมก็เปลี่ยนกลับมาแบบเดิม ซึ่งสุดท้ายก็เกิดปัญหามากมายตามมาอย่างที่ทราบๆ กันอยู่ 

      สำหรับ ความไม่เหมาะสมของการปิดเปิดเทอมมหาวิทยาลัยตามอาเซียนนั้นเป็นเพราะมีการ เรียนการสอนในช่วงที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดพายุและน้ำท่วม (กันยายนและตุลาคม) ในช่วงเทอมแรก และมีการเรียนการสอนในช่วงที่อากาศร้อนสุดสุด (เมษายนและพฤษภาคม) ในช่วงเทอมสองนั่นเอง และปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมายดังที่ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) ได้เคยสรุปไว้ในมติของ ปอมท. เรื่องการปิดเปิดเทอมมหาวิทยาลัยไทยตามอาเซียนในคราวประชุม ปอมท. ครั้งที่ 5/2558 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน 2558) 

หลังจากปล่อยให้มีการปิดเปิดเทอมมหาวิทยาลัยตามอาเซียนมาจนครบหนึ่งปีการศึกษา (2557) แล้ว มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็พบปัญหาที่ตามมามากมาย หลายฝ่ายจึงออกมาคัดค้านอย่างจริงจัง อาทิ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยไทยได้รณรงค์คัดค้านเรื่องนี้ผ่านทาง www.change.org ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงชื่อคัดค้านแล้วกว่า 2 หมื่นรายชื่อ ขณะที่ตัวแทนคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็มีมติเสนอให้ สกอ.ทบทวนเรื่องนี้ แต่ สกอ.ก็ยังคงยืนยันจะไม่ทบทวน และขณะนี้ได้เปิดเทอมแรกของปีการศึกษา (2558) ไปแล้ว นั่นหมายความว่า มหาวิทยาลัยไทยจะต้องเปิดเทอมที่สองตามอาเซียนต่อไปอีกหนึ่งปีการศึกษาเป็นอย่างน้อย

ตามข้ออ้างของผู้เสนอให้มหาวิทยาลัยมีการปิดเปิดเทอมตามอาเซียนนั้น นับเป็นเรื่องตลกร้ายที่สุดเพราะแท้จริงแล้วกลับพบว่า การปิดเปิดเทอมของมหาวิทยาลัยไทยที่เปลี่ยนไปนี้ ไม่ได้สอดคล้องอะไรกับมหาวิทยาลัยของประเทศต่างๆ ในอาเซียนเลย เพราะแต่ละประเทศในอาเซียนมีช่วงเวลาปิดเปิดเทอมที่หลากหลาย (ดังตาราง) แม้แต่ประเทศลาวที่ดูเหมือนมีช่วงปิดเปิดเทอมตรงที่สุดกับประเทศไทย (ดูเหมือนไทยเปลี่ยนตามลาว) ก็ยังไม่จริง เพราะเทอมแรกของมหาวิทยาลัยไทยตรงกับเทอมสองของมหาวิทยาลัยลาว แล้วอย่างนี้จะอ้างว่า เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของอาเซียนได้อย่างไร?

ถึงตรงนี้ จึงไม่ทราบว่าใครถูกหลอกและใครหลอกใคร ระหว่างที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และคนในมหาวิทยาลัยที่ถูกหลอกมาตลอด เชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังในการเสนออย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็นสำคัญคือ เราจะยอมให้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้บั่นทอนคุณภาพของอุดมศึกษาไทยต่อไปอีกหรือ? เพราะได้เห็นกันชัดๆ แล้วว่า ในปีการศึกษา 2557 ที่ผ่านมา การปิดเปิดเทอมที่ว่าตามอาเซียนนั้น นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อย่างเป็นชิ้นเป็นอันต่อวงการอุดมศึกษาไทยในภาพรวมแล้ว แต่กลับเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ และเป็นอุปสรรคต่อการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมไทย ซึ่งล้วนเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของมหาวิทยาลัยไทยทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีผลกระทบไปถึงครอบครัว สังคม และประเทศชาติในด้านการใช้พลังงานและทรัพยากรอีกด้วย 

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยไทยนับว่าอยู่รั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่บ่งบอกถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ได้ผลอย่างชัดเจน ทั้งการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและภายนอก การปรับเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และการปรับโครงสร้างกระทรวง รวมทั้งการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเป็นว่าเล่น ดูเหมือนจะมีแต่การเปลี่ยนแปลงที่ล้วนบั่นทอนคุณภาพการศึกษาและลดประสิทธิภาพการทำงานของมหาวิทยาลัยลงไปอีกแทบทั้งสิ้น

ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการก็เพิ่งได้รัฐมนตรีว่าการและช่วยว่าการชุดใหม่ รวมทั้งกำลังจะได้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาคนใหม่ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีการทบทวนเรื่องนี้กันอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง เพราะผู้บริหารชุดที่แล้วเคยยืนยันว่าจะไม่ทบทวนเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีหลายฝ่ายออกมาให้ข้อมูลและเหตุผลว่าควรปรับคืนไปเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าด้วยอัตตาที่สูงเกินขีดธรรมดา หรือเป็นเพราะยังคงอยู่ในบริบทที่ว่า "ตามเขาดูเหมือนเก่ง คิดเองดูเหมือนโง่" ปัญหาจึงยังคงอยู่ 

หากปล่อยให้เวลาล่วงเลยต่อไป การเปลี่ยนแปลงแก้ไขก็จะยิ่งยุ่งยากซับซ้อนไปอีก เพราะธรรมชาติของผู้ปฏิบัติมักจะเคยชินกับงานประจำจนมองไม่เห็นปัญหา เหมือนอีกหลายๆ เรื่องในวงการศึกษาไทยที่พลาดไปจนไม่อาจแก้ไขได้ในทุกวันนี้

 
 
Cr: มติชนรายวัน 29 กันยายน 2558
     สุพจน์ เอี้ยงกุญชร 
     คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ม.แม่โจ้
ปรับปรุงข้อมูล : 10/10/2558 8:27:34     ที่มา : คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 1108

กลุ่มข่าวสาร : บทความน่าสนใจ

ข่าวล่าสุด

คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร จัดโครงการฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ ประจำปี 2568
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรได้จัดโครงการฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ ประจำปี 2568 ในวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มทักษะในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพโครงการได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.หยาดฝน ทนงการณ์กิจ รองคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และประกันคุณภาพ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบของที่ระลึกจากกิจกรรมสุ่มจับรางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมอบรมกิจกรรมจัดขึ้น ณ ห้อง E117 อาคารเรียนรวมสาขาวิศวกรรมศาสตร์ เวลา 13.00 – 16.30 น. โดยมี คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ร่วมด้วยบุคลากรจากคณะพยาบาลศาสตร์ รวมถึงแม่บ้านและผู้ประกอบการร้านค้าที่ปฏิบัติงานและให้บริการภายในคณะ เข้าร่วมอย่างเหมาะสมและเพียงพอสำหรับการฝึกปฏิบัติวิทยากรจาก งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองแม่โจ้ ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย ขั้นตอนการอพยพหนีไฟ และฝึกซ้อมปฏิบัติเสมือนเหตุการณ์จริง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ หมวด 5 สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย ตามเกณฑ์สำนักงานสีเขียว (Green Office) ที่มุ่งเสริมสร้างความตระหนักรู้และความพร้อมด้านความปลอดภัยให้กับทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติงานภายในคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร
29 พฤศจิกายน 2568     |      63
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวาระสำคัญครบ ๑๐๐ ปี
เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568 คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตครบ ๑๐๐ ปี และถวายพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติครบ ๑๐๐ ปี ณ อาคารแผ่พืชน์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในการนี้ นางวิภาวรรณ ผาภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานคณบดีคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร และ นางสุนทรี หาญพรหม ได้เป็นผู้แทนคณะฯ เข้าร่วมประกอบพิธี โดยมีผู้บริหาร บุคลากร นักศึกษา และประชาชนทั่วไปจากหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและน้อมรำลึกถึงพระราชจริยวัตรอันทรงคุณค่าพิธีในครั้งนี้จัดโดย กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงาม และแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์Cr: ภาพถ่ายจาก กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ?มหาวิทยาลัยแม่โจ้
29 พฤศจิกายน 2568     |      49
ร่วมกิจกรรมสัมมนาหัวหน้าส่วนงาน (Dean Forum) สัญจร ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้–แพร่ เฉลิมพระเกียรติ
วันที่ 21–22 พฤศจิกายน 2568 คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคประสม คณบดี ได้เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาหัวหน้าส่วนงาน (Dean Forum) สัญจร ประจำปี 2568 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้–แพร่ เฉลิมพระเกียรติการเดินทางครั้งนี้เปิดโอกาสให้ส่วนงานต่าง ๆ ได้ แลกเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการองค์กร พร้อมทั้งรับฟังภาพรวมการดำเนินงานของศูนย์เกษตรอินทรีย์ ณ อาคารศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นพื้นที่บูรณาการการเรียนรู้ด้านการเกษตรตามแนวพระราชดำริอย่างครบวงจรภายในกิจกรรม คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้เยี่ยมชม โรงเรือนนวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อการผลิตเห็ดอินทรีย์ โรงเรือนสุกรขุนอัจฉริยะ โรงเรือนโคนมอัจฉริยะซึ่งล้วนเป็นตัวอย่างของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบ Smart Farming เพื่อรองรับการเรียนการสอน การวิจัย และการพัฒนาบุคลากรในสายวิศวกรรมและเกษตรสมัยใหม่นอกจากนี้ยังมีการประชุมหารือในกิจกรรมสัมมนาหัวหน้าส่วนงาน ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้บริหารทุกคณะ สะท้อนความต้องการ แลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมออกแบบแนวทางขับเคลื่อนมหาวิทยาลัย ให้ตอบโจทย์ภารกิจมหาวิทยาลัยในยุคดิจิทัลคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรขอขอบคุณคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้–แพร่ เฉลิมพระเกียรติ ที่ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง และยินดีที่จะร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนระบบการศึกษาเกษตรอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง ข่าวหลักจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ ได้ที่:https://www.facebook.com/share/14QD6LBSNa1/?mibextid=WC7FNe
29 พฤศจิกายน 2568     |      53
กิจกรรม สัมมนาวิชาการด้านเครื่องทำความเย็น
BITZER Refrigeration Asia Pte.,Ltd. ร่วมกับคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรจัดกิจกรรม สัมมนาวิชาการด้านเครื่องทำความเย็น (Refrigeration Seminar) เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ (Upskill) ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบทำความเย็นเพื่อการประหยัดพลังงาน ให้กับนักศึกษา คณาจารย์ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในการนี้ คณะได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทิพาพร คำแดง ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและกิจกรรมพิเศษ ประธานในพิธีเปิดและผู้รับมอบทุนการศึกษาในนามของคณะ ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและเปิดกิจกรรม พร้อมร่วมรับมอบทุนการศึกษาจากบริษัท BITZER Refrigeration Asia Pte., Ltd.โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คณะได้รับความอนุเคราะห์จาก บริษัท BITZER Refrigeration Asia Pte., Ltd. ในการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษา จำนวน 30,000 บาท เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทักษะวิชาชีพด้านระบบความเย็นคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ขอขอบคุณ ศิษย์เก่าของคณะ ที่มีบทบาทสำคัญในการประสานงานและผลักดันการจัดสัมมนาครั้งนี้ อันเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องทำความเย็นเพื่อการประหยัดพลังงานให้แก่คณาจารย์และนักศึกษาของคณะอย่างต่อเนื่อง
29 พฤศจิกายน 2568     |      48